ใช้เวลานานหลายเดือนเลยทีเดียวกว่าจะอ่านจบ collection นี้ค่ะ เพราะทีเดียวก็ตั้งสามเล่ม แต่อ่านแล้วได้ความรู้เยอะมากๆ แถวเนื้อหาก็มีการแบ่งพาร์ทเข้าใจง่าย ไม่เยอะเกินไปไม่น้อยเกินไป อีกอย่างมีภาพประกอบทำให้เนื้อหาที่ดูเข้าใจยาก กลายเป็นเรื่องที่น่าสนใจและเข้าใจง่ายค่ะ
เริ่มต้นกับเรื่อง ‘พระพุทธศาสนา’ แม้เป็นสิ่งที่คนไทยคุ้นเคย เพราะเราก็มีศาสนาพุทธเป็นศาสนาประจำชาติอยู่แล้ว แต่หลายๆคนอาจหลงลืมว่าจริงๆแล้ว ต้นกำเนิดของศาสนาพุทธมาจากไหน พุทธประวัติที่ถูกต้องเป็นอย่างไร พระพุทธเจ้าได้ตรัสรู้อะไร หลักธรรมคำสอนที่สำคัญคืออะไร และเราสามารถนำหลักธรรมเหล่านั้นมาปรับใช้ในชีวิตประจำวันได้อย่างไรบ้าง การเข้าใจพระพุทธศาสนาอย่างถ่องแท้อย่างน้อยคำสอนของพระพุทธเจ้าก็ทำให้เราประพฤติตัวเป็นคนดีมากขึ้นนะ
‘เทพเจ้า’ ดูเป็นอีกเรื่องที่มั่วและเข้าใจยาก เพราะแต่ละประเทศก็มีเทพเจ้าที่แตกต่างกัน อันเนื่องมาจากความเชื่อที่แตกต่างกัน หนังสือเล่มนี้ใช้การเล่าเรื่องผ่านรูปภาพที่สามารถอธิบายจุดเด่น อิทธิฤทธิ และที่มาที่ไปของเทพเจ้าแต่ละองค์ ทั้งยังแบ่งเนื้อหาการอธิบายเป็นหมวดหมู่ การนับถือในเทพเจ้าใดๆก็เปรียบเหมือนการมีสิ่งยึดเหนี่ยวในใจเพราะเราจะเกิดความศรัทธาต่อเทพเจ้าองค์นั้นๆ เมื่อเราเกิดความเชื่อและความศรัทธา สุดท้าย ความประพฤติของเราก็จะเป็นไปตามความคิดของเราในที่สุด
สุดท้าย ‘ศิลปะ’ เล่มนี้เพิ่งอ่านจบสดๆร้อนๆ ยังรู้สึกว่าร้อนวิชามากๆ ไปเล่าให้เพื่อนฟังใหญ่เลย น่าแปลกที่เรื่องศิลปะไม่เคยอยู่ในความคิดของเราเลยว่ามันจะมีความสำคัญอะไรต่อชีวิต แค่เห็นภาพวาด ก็เออแบบ สวยดีนะ แล้วไงเหรอ? ฮาๆ แล้วเราก็ไม่เก่งเรื่องศิลปะด้วย แต่เมื่อได้อ่านเล่มนี้จบ ก็ทำให้เรามอง ศิลปะ ในมุมใหม่ ศิลปะในแต่ละยุคแต่ละสมัยมีความแตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสิ่งที่มีอิทธิพลในขณะนั้น ผู้นำ วิทยาการ กระแสนิยม หรือความคิดเห็นของศิลปินเอง ซึงสามารถบอกเล่าเรื่องราวได้เป็นอย่างดี ซึ่งความเข้าใจในศิลปะ นอกจากจะทำให้เราเข้าใจเรื่องราวในแต่ละช่วงเวลาได้แล้วนั้น ยังทำให้เราดูงานศิลปะสนุกขึ้นด้วย เช่น ศิลปะยุคเรเนซองส์เกิดขึ้นหลังจากยุคกลางที่มุ่งเน้นเรื่องศาสนาจนขาดการถ่ายทอดอารมณ์ในงาน เหล่าศิลปินในช่วงนั้นจึงฟื้นฟูวงการศิลปะขึ้นมาใหม่ โดยนำเอาศิลปะแบบกรีก-โรมัน เข้ามาประยุกต์จนเกิดเป็นศิลปะแนวใหม่ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นช่วงที่ศิลปะพัฒนาไปสู่จุดสูงสุดเลยก็ว่าได้ อีกหนึ่งตัวอย่างคือศิลปะในยุคปัจจุบัน ศิลปะในยุคดิจิตอลนั้นมีความหลากหลายเป็นอย่างมาก เพราะผู้คนเข้าถึงศิลปะได้ง่ายขึ้นและยังไม่มีพรมแดนขวางกั้นเหมือนในอดีต ทำให้ศิลปะนั้นไม่ได้จำกัดอยู่บนจิตรกรรม สถาปัตยกรรม หรือ ประติมากรรม เพียงเท่านั้น แต่หมายถึง วิธีการในการสร้างศิลปะ อีกด้วย เช่น ศิลปะการแสดง ศิลปะสื่อผสม หรือศิลปะข้างทาง (Graffiti art) เป็นต้น
อ่านจบแล้วอยากอ่านหนังสือที่มีภาพประกอบอย่างนี้อีกค่ะ สนุก อ่านง่าย และเข้าใจง่าย
TrIPs'tory 