เหตุใดเราจึงยังมีชีวิตอยู่ โดย นิ้วกลม

  ไม่แปลกใจที่ทำไมงานเขียนของพี่เอ๋ถึงอยู่ในกระแสสังคม เป็นที่รู้จัก มีแฟนคลับต่อคิวขอลายเซ็นยาวเหยียดเสมอๆ ในงานหนังสือ ก็เพราะงานเขียนที่เข้าถึงคนอ่าน เข้าใจง่าย เปรียบเทียบและยกตัวอย่างคนธรรมดาๆ เหตุการณ์ธรรมดาๆในสังคม ประสบการณ์การเดินทางของพี่เอ๋ หรือแค่สิ่งของธรรมดาๆ แล้วมองด้วยมุมมองที่แตกต่าง แต่สร้างสรรค์ ทำให้การอ่านหนังสือแต่ละเล่มของพี่เอ๋ ต้องเกิดการเปลี่ยนแปลงอะไรบางอย่างในความคิดค่ะ

ถ้าเราอยู่ท่ามกลางสิ่งแวดล้อมที่ดี จิตใจเราก็จะดีตาม เพราะคนรอบข้างคอยให้กำลังใจ สนับสนุน และประพฤติดีให้เห็น เช่นเดียวกับการอ่านหนังสือที่ยกระดับจิตใจแบบนี้ ก็จะทำให้เราคล้อยตามความคิดดีๆได้ไม่ยากเลย หลายคนเข้าใจค่ะและคิดว่าตัวเองเข้าใจปรัชญาชีวิตอะไรพวกนี้ แต่มันเป็นสิ่งสำคัญที่เราต้องหมั่นผ่านตาบ่อยๆ อยู่ท่ามกลางคนคิดดีทำดีให้เป็นนิจ และฝึกใจให้คิดตาม พูดดีและกระทำดีให้เป็นนิสัย เพราะความเป็นจริง เราไม่ได้อยู่ท่ามกลางเรื่องดีๆตลอดเวลาค่ะ หลายครั้งที่เราต้องผิดหวัง เศร้าใจกับอะไรบางอย่าง เช่นเบื่อกับงานประจำซ้ำซาก โดนเพื่อนรักหักหลัง ทะเลาะกับที่บ้าน หรือเรียนไม่จบ ความทุกข์มีอยู่รอบตัวค่ะ แต่อย่าให้มันเข้ามามีอิทธิพลกับเราเลย ขอเหอะ

พร่ำพรรณนาอยู่นานค่ะ ไม่เกี่ยวกับหนังสือเล่มนี้ของพี่เอ๋เลยค่ะ (ฮาๆ) แค่จะบอกว่าได้อ่านหนังสือเล่มนี้อีกครั้ง ท่ามกลางมรสุมชีวิตและปรากฏการณ์รังสียูวีเข้มข้นในเมืองกรุงเท่านั้นเองค่ะ 😐

เหตุใดเราจึงยังมีชีวิตอยู่? 

เราเฝ้าถามประโยคนี้ซ้ำๆกับตัวเอง จะมีใครสักกี่คนที่รู้คำตอบ เราเองบางครั้งก็ blank ดื้อๆ งงๆ ว่าตอนนี้เราทำอะไรอยู่ ทำไปเพื่ออะไร อะไรคือเป้าหมายของเรากันแน่

พี่เอ๋ตอบคำถามนี้ด้วยการสะท้อนการดำเนินชีวิตของใครหลายๆ คนที่ผ่านเข้ามาและผ่านไป ทั้งคนที่รู้จักดีและคนแปลกหน้า ว่าเค้าใช้ชีวิตแบบไหนกัน เค้ามีความสุขมั้ย อย่างไร อะไรคือเป้าหมายของเค้า แล้วเราเรียนรู้อะไรมาบ้าง

พี่ติ๊ก ลาออกจากงานประจำมาเป็นหมอนวดประจำ ได้ 10 ปีแล้ว แต่เค้าก็มีความสุขเพราะได้ทำงานที่ตัวเองรัก พอรักแล้วก็จะทำให้งานออกมาดี ลูกค้าติดใจต้องโทรจองคิว 

ฝรั่งสองคนที่เจอกันโดยบังเอิญกลางทะเลอันดามัน พูดถึงชีวิตที่ดูอิสระเที่ยวไปเรื่อยประเทศนู้นนี้ บางครั้งก็หยุดพักทำงาน เก็บเงิน เพื่อออกไปเที่ยวใหม่ ต่างคนต่างสนุกกับชีวิตแบบนี้ โดยที่ยังเรียนไม่จบ หรือยังไม่เริ่มทำงานอย่างที่พ่อแม่หวังไว้ กลับมองว่าเป็นสิ่งที่เสียเวลาถ้าทำไปทั้งๆ ที่ไม่ชอบ เค้าทั้งสองเลือกที่จะตามใจตัวเอง ออกตามหาประสบการณ์ต่างแดนเพื่อที่จะค้นพบเป้าหมายในชีวิต

การจากไปของครูคีธติ้ง ครูที่ทำให้สองชั่วโมงในหนังเรื่อง Dead Poets Society เปลี่ยนความคิดและชีวิตของพี่เอ๋ไปเลย ด้วยประโยคเด็ด 

‘Carpe diem. Seize the day, boys. Make your lives extraordinary!’ ‘จงฉกฉวยวันเวลาเอาไว้และทำให้ชีวิตของเธอไม่ธรรมดา!’

…ชอบประโยคนี้จัง 😌

เช่นเดียวกับพี่เอ๋ หลายครั้งที่เราก็ใช้ประโยคนี้นำทางให้กับชีวิต การไปเมืองนอกครั้งแรกด้วยการสอบชิงทุนไปอังกฤษแค่หนึ่งเทอม ก็เปลี่ยนชีวิตเราไปเยอะ เรียกว่าใครมีให้ทำอะไร เราก็อยากลอง อยากทำไปให้หมดทุกอย่าง เรื่องการไปเที่ยวก็เป็นการฉกฉวยวันเวลาและทำให้ชีวิตไม่ธรรมดาได้เหมือนกันค่ะ นอกจากจะได้เห็นโลกกว้าง เห็นความสวยงามของธรรมชาติ และสถาปัตยกรรมแล้ว มันทำให้เรารู้จักตัวเองมากขึ้น ได้พัฒนาตัวเองด้วย พอปีกกล้าขาแข็ง ก็ท้าทายตัวเองด้วยการเดินทางคนเดียว รู้สึกว่าชีวิตนี้คุ้มค่าและมีความสุขดีค่ะ 😙

วันนี้ลองถามตัวเองดูอีกครั้งค่ะ ถามบ่อยๆ เลยยิ่งดี ว่าเรามีความสุขกับสิ่งที่กำลังทำอยู่หรือเปล่า YOLO – you only live once อย่าเสียเวลาทำอะไรไร้สาระเลย มาหาเหตุผลในการมีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขกันเถอะค่ะ 😎

Leave a comment