หนีงานแล้วเดินเข้าป่า

เช้าวันหนึ่งหลังประชุม BNi กำลังจะไปทานข้าว ก็ดันได้ยินคำสนทนาลอยมาว่า จะไปเดินป่าเขาสก… เราหันขวับทันทีแล้วปรี่เข้าไปถาม ได้ความว่า พี่เบญแห่ง follow me tour กำลังแพลนไปเดินป่าเขาสก

เหตุผลที่ต้องหัน เพราะ

1 อยากไปเขาสก 
2 อยากเดินป่า

เรา ซึ่งเกิดความรู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อย ใจก็อยากไปอยู่นะ แต่ก็มีติดงานออกบูธที่เซ็นทรัล คิดว่า 50/50 ไปก็ได้ ไม่ไปก็ดี ถ้าไปคือหนีงาน

สรุปคือไปค่ะ 555 

วันเดินทาง เราและพี่เบญค่อนข้างออกมาเลทแล้วเพราะต่างก็ติดงานกัน สุดท้ายถึงที่พักเกือบๆ ห้าทุ่ม ระหว่างทางเป็นการทำ 1-2-1 แบบเชิงลึกเพราะเราต่างไม่เคยคุยกันเลยแล้วก็ต้องคุยกันยาวๆ หกชั่วโมงเรียกว่าวันเดียวรู้จักกัน 1/4 ของชีวิต ประจวบกับระยะเวลาระหว่างทางในป่าและเวลาขับรถกลับอีก จบทริปคือรู้จักกันเกือบครึ่งค่อนชีวิต

ทริปนี้เป็นการเดินป่าดูดอกบัวผุด ซึ่งหาได้ยากเพราะต้องอยู่ในป่าที่อุดมสมบูรณ์เท่านั้น จากนั้นจึงไปทานอาหารที่น้ำตก แล้วเดินออกมาจบที่อุทยานเขาสก ระยะทางประมาณ 15 กิโลเมตร เริ่มเก้าโมงเช้าน่าจะจบหกโมงเย็น อันนี้เป็นแพลนคร่าวๆมากๆที่ทราบจากไกด์ในเช้าวันนั้น

ไกด์เราชื่อจา เป็นคนเขาสก ชำนาญป่าในระดับสิบ เพราะเคยอยู่ในป่ามาก่อน ตอนมารับเราพาลูกกับแฟนฝรั่งมาด้วย พีคมากตอนแม่พูดเยอรมันกับลูก แต่จาพูดใต้กับลูก ฮาดี จาเป็นไกด์ที่มีจิตวิญญาณความเป็นผู้นำทาง คือมีความสามารถและประสบการณ์เรื่องป่า มีอารมณ์ขัน มีความเข้าใจห่วงใยผู้ร่วมทาง และมีความรับผิดชอบสูง ส่วนทักษะเรื่องจับทากไม่ต้องพูดถึง เดินป่ารู้สึกอุ่นใจถ้ามีไกด์จา

ส่วนพี่เบญเป็นเจ้าของบริษัททัวร์ที่ไม่ชอบเที่ยว มาเดินป่าเพราะใจเรียกร้อง พี่เบญจะหยุดเดินเมื่ออัตราการเต้นของหัวใจถึง 180 bpm  หายเหนื่อยแล้วเดินต่อ พี่เบญจะกรี๊ดลั่นป่าเมื่อเจอทาก แต่ก็สะกดจิตตัวเองให้เดินต่อ พี่เบญลื่นไปสี่รอบก็ยังลุกขึ้นมาเดินต่อ พี่เบญเป็นสาวแกร่งที่ใจสู้สุดๆ ถ้าอยากได้กำลังใจในการทำงาน วิธีคิดหรือ mindset เพื่อผ่านพ้นอุปสรรค เชื่อว่าพี่เบญจะให้แนวคิดที่มีประโยชน์มาก 😉

ส่วนเรา เป็นเจ้าของฟิตเนสที่อ้วน 555 มาเดินป่าเพราะชอบ trekking และคิดว่าการเดินป่าก็คงคล้ายกับการเดินเขา นี่คือการเดินป่าครั้งแรก เราเตรียมตัวเหมือนมาวิ่งเทรลคือ รองเท้าเทรล เป้น้ำ ถุงเท้ายาวและกางเกงขายาว legging ป้องกันทาก สิ่งที่กลัวที่สุดคือทากนี้แหละ 555

ช่วง 3-4 กิโลเมตรแรกคือทางขึ้นเขา ซึ่งสำหรับเราไม่ยากมาก เดินได้สัก 2 ชั่วโมงก็เจอดอกบัวผุด ใหญ่มาก ดีใจมากกก เพราะเคยเห็นแต่ในหนังสือที่อ่านตอนเด็กๆ สำรวจไปสักพักก็เจออีกดอกนึงยังไม่บานแต่กำลังจะบานในสองสามวัน ไกด์บอกว่าเราโชคดีมากเพราะก็กะเกณฑ์อะไรไม่ได้เลย ไม่รู้บานตอนไหน พอบานแล้วก็อยู่ได้ไม่กี่วัน ยิ่งถ้าฝนตกมากเค้าก็จะเน่าเร็ว ดอกบัวผุดเป็นพืชกาฝากที่อาศัยเถาย่านไก่ต้มซึ่งเป็นพันธุ์ไม้ในวงศ์องุ่นอยู่ในป่าดิบชื้นแถบๆ บ้านเรา บานปีละครั้งช่วงหน้าฝน และจะมีกลิ่นเหม็นมาก แมลงวันบินว่อน

นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่เมื่อถึงจุดนี้แล้วก็กลับ แต่เราไม่กลับค่ะ เราจะเดินไปถึงน้ำตกธารสวรรค์ แล้ววนเป็นวงกลมตามลำน้ำไปเรื่อยๆ ไปจบที่อุทยานฯ จากจุดดอกบัวผุด เราใช้เวลาอีก 1 ชั่วโมงเพื่อไปถึงน้ำตก ซึ่งเริ่มเป็นทางที่ไม่ค่อยมีคนเดิน ดูทางยากต้องมีไกด์เท่านั้น จำนวนทากไม่มากแค่พอหยอกๆ พอถึงปุ๊บจาก็บอกว่าเราจะทานข้าวกันด้านล่างน้ำตก (ยังไม่ถึงอีกเหรอ หิวจะแย่แล้ว) จากนี้ไปจะเป็นการไต่น้ำตกลงมา (อะไรนะ!)

น้ำตกธารสวรรค์เป็นน้ำตกที่สวยที่สุดในอุทยานเพราะความสูงชัน ทำให้น้ำที่ไหลลงมางดงามธารน้ำฟุ้งกระจายเหมือนสวรรค์ ค่ะ! เราก็ต้องไต่หินลงมาค่ะ ซึ่งค่อนข้างอันตรายมาก ต้องไต่ลงมาตามหินด้านข้างที่ไม่เปียกมาก มีการห้อยตัวเล็กน้อยพอให้ตื่นเต้น สุดท้ายกว่าจะถึงด้านล่างก็เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน ความงามของน้ำตกและอาหารเที่ยงง่ายๆ สับปะรดและมะละกอ เป็นอะไรที่สดชื่นมาก

หลังจากนั้นก็เป็นทางที่ต้องลัดเลาะไปตามธารน้ำเหมือนในหนังเลยค่ะ จากที่พยายามสงวนรองเท้าไม่ให้เปียกแต่ทางน้ำตกยังไงๆ ก็ต้องเปียก แต่เรื่องนี้เตรียมใจมาแล้วเพราะวิ่งเทรลก็เปียก ช่วงหลังจากดอกบัวผุดจนถึงน้ำตกและหลังจากนี้ไม่มีทางชันแล้ว แต่สิ่งที่เป็นความท้าทายใหม่คือทาก จากตัวแรก ตัวที่สอง เรียกจาให้ช่วยหยิบออก แต่พอตัวที่สี่ ตัวที่ห้า และตัวอื่นๆ จะเรียกจาก็ไม่สะดวก เลยต้องฝึกหยิบออกเอง ไม่พอก็ไปหยิบของพี่เบญให้อีก ช่วงแรกก็นับอยู่นะว่าเจอกี่ตัว แต่ก็ลืมเพราะมันเยอะเกิน ที่จำได้เพราะมันดูดเลือดแล้วคือหนึ่งตัวอยู่ขดในสะดือและหนึ่งตัวอยู่ใต้ท้องแขน สองตัวนี้ดึงเองไม่ออกเพราะมันใหญ่และน่ากลัว 555

จากน้ำตกจนถึงอุทยานคือระยะทางประมาณ 7 กิโล เราลัดเลาะตามธารน้ำมาเรื่อยๆจนถึงธารน้ำที่ใหญ่กว่า จาบอกให้พักแล้วเอาของที่เปียกไม่ได้มาให้เค้า เอ๊ะทำไมล่ะ จาบอกว่าเราต้องว่ายข้ามแอ่งน้ำนี้ไป!!!! อะไรนะ!!! … ว่ายน้ำนี้ไม่ได้เตรียมตัวเตรียมใจมาแต่สนุกดีค่ะ ผ่านแอ่งนี้ไปก็เป็นทางในป่าลัดเลาะตามธารน้ำเหมือนเดิม จาบอกให้รีบเดินเพราะฝนจะตกเดินลำบาก ไม่นานฝนก็เทลงมา ช่วงท้ายของการเดินเกือบชั่วโมงที่ตากฝนเรารู้สึกฟินมาก รู้สึกสงบและเป็นหนึ่งเดียวกับป่า รู้สึกแบบนั้นทั้งๆที่มือก็ต้องเอาทากออกเรื่อยๆ มันชินแล้วล่ะ 555 

เราถึงอุทยานโดยสวัสดิภาพ พักเช็คทากกันเล็กน้อยก่อนเดินเท้ายาวๆออกไปด้านหน้าอุทยานอีก 3 กิโล ในทริปนี้เราได้เจอกับนาคเล่นน้ำกัน 3-4 ตัว น่ารักมากกกก แล้วก็ค่างแว่นที่ทักทายตอนขากลับ หมูบ้านที่กลายเป็นหมูป่าที่เจ้าหน้าที่อุทยานเลี้ยงไว้ จั๊กจั่น และทากทุกตัวในป่าและตัวสุดท้ายที่มาส่งก่อนขึ้นรถกลับ ตัวนี้กระดึ๊บๆอยู่บนแก้มเลยจ้าา

ขอบคุณไกด์จาและพี่เบญที่ให้เราเปิดประสบการณ์เดินป่าครั้งแรก สู้กับความกลัวทากและท้าทายกับเส้นทางธรรมชาติที่สมบุกสมบัน สนุกมาก ได้แนวคิดพัฒนาตัวเอง อีกเยอะเลย ไว้มีโอกาสต้องกลับไปเยือนเขาสกอีกครั้งแน่นอนค่ะ 🙂